บ้านคือหัวใจและรากฐานที่มั่นคงของชีวิต ทุกคนทำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ได้เงินมาสร้างบ้าน ใช้พักอาศัยอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข ดังนั้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางให้กับคนที่มีแผนจะสร้างบ้าน จึงอยากนำเสนอแบบบ้านโมเดิร์นชั้นเดียวหลังนี้ให้รู้จัก
บ้านโมเดิร์นหลังนี้ได้รับการเผยแพร่จากคุณ Thitima Yaikrathok ตัวบ้านมีขนาดชั้นเดียว ฟังก์ชันภายในประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องโถง และหน้าบ้านมีระเบียงสำหรับเป็นจุดพักผ่อน ในการสร้างเสาเทหน้างาน ผนังก่อด้วยอิฐมวลเบา ซึ่งใช้งบรวมค่าของและค่าแรงช่าง 750,000 บาท ส่วนพิกัดของบ้านตั้งอยู่ที่ บ้านเม็ก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
ลักษณะภายนอกของบ้านหลังนี้ ยกพื้นสูงพอประมาณ หลังคาออกแบบให้เป็นทรงเพิงแหงนต่างระดับมุงเมทัลชีท ฝ้ารอบๆมีรูระบายอากาศ ด้านใต้กรุทับด้วยไม้ฝาน้ำตาล และติดตั้งช่องลมสีขาว ผนังบ้านสีเทาดีไซน์ให้ฐานขอบล่างเป็นสีเทาเข้ม ระหว่างเสาจุดระเบียงเพิ่มระแนงยาวสีน้ำตาลอย่างโดดเด่น พื้นรอบบ้านเทคอนกรีตทับอย่างสวยงาม และเลือกใช้ประตู หน้าต่างบานที่เป็นบานกระจก
ระเบียงที่ต่อหลังคายื่นออกมาหน้าบ้าน ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายสวยโทนสว่าง รอบๆติดตั้งม้านั่งไว้เอ็นหลังพักกาย เสาที่เป็นโครงสร้างกรุตรงกลางด้วยกระเบื้องขาว ใต้ชายคาล้อมรอบด้วยไม้ระแนงเป็นกันสาด พร้อมติดตั้งโคมไฟทรงกลมตรงกลางให้สว่าง
ห้องนอนมีขนาดกว้าง พื้นห้องปูทับดว้ยกระเบื้องลายหินอ่อนสีครีม ผนังห้องยังคงใช้สีเทาและตัดบานขอบล่างด้วยวงกบไม้ ฝ้าเพดานเลือกใช้แบบเรียบ ตรงกลางติดตั้งโคมไฟทรงกลมไว้ ส่วนหน้าต่างกระจกใสเป็นบานใหญ่ นอกจากจะระบายอากาศได้ดีแล้วยังรับแสงให้ห้องสว่างได้อีกด้วย
ห้องครัว ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนเช่นกัน เคาน์เตอร์ตัวแอลที่ก่อไว้ใช้งาน ถูกแต่งด้วยกระเบื้องสีดำเข้ากับผนังโซนนั้น ด้านบนเคาน์เตอร์มีซิงค์ล้างจานติดตั้งไว้ ส่วนด้านใต้ใช้งานเป็นตู้เก็บของ รอบๆนั้นมีตู้ลอยและเครื่องดูดควันขนาดใหญ่ ส่วนหน้าต่างระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
ห้องน้ำ ทั้งพื้นและผนังกรุทับด้วยกระเบื้องสีขาวสว่าง ช่องระบายอากาศเป็นบานกระทุ้งขนาดกะทัดรัด สุขภัณฑ์สำหรับการใช้งานมีครบ เช่น ฝักบัว ชักโครก และอ่างล้างมือ
จบไปแล้วนะคะกับการนำเสนอแบบบ้านโมเดิร์นชั้นเดียวหลังนี้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ออกแบบและสร้างออกมาได้อย่างลงตัว ดังนั้นหากใครที่ชื่นชอบ อยากมีบ้านหลังสวยๆแบบนี้ไว้ครอบครอง ติดต่อสอบถามได้จากที่มาด้านล่างค่ะ
ขอบคุณที่มา: เฟซบุ๊ก Thitima Yaikrathok
